1.โน้มน้าวใจด้วยการใช้ “ตัวเลข” เกลี้ยกล่อม

มีใครเคยได้ยินไหมว่าตัวเลขสามารถเปลี่ยนใจคนได้ ทุกคนลองคิดตาม เวลาคุณซื้อของแล้วเจอราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ไม่ว่าจะเป็น 99 39 หรือ 89 ราคาจะดูน่าซื้อกว่าตัวเลขกลมๆ แบบ 100 บาทไหม… ตัวเลขก็เปรียบเหมือนเวทมนตร์ที่สามารถพาเราคล้อยตามได้ง่ายดาย

‍

ในโลกของธุรกิจหรือการทำงานก็เช่นกัน ถ้าคุณเอาแต่บอกว่าการทำงานแบบนี้มันดี ฟีเจอร์นั้นน่าสนใจ วิธีแบบนี้สะดวกรวดเร็วกว่า บอกความดีความชอบทั้งหมด มันก็คงน่าสนใจแต่…ความคิดหัวหน้าหลายๆ คนคงต้องการมองไปที่ผลลัพธ์ของมันมากกว่าคุณสมบัติดีๆเหล่านี้ 

‍

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณมีระบบการทำงานเกี่ยวกับระบบคลังสินค้าที่น่าสนใจ เป็นระบบที่ทำงานผ่าน Cloud ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ไม่ต้องนับสต๊อกเอง คุณอาจจะนำเสนอกับหัวหน้าในแนวทางนี้ “ปัจจุบันบริษัทเราใช้พนักงานในการนับสต๊อก ซึ่งเกิดข้อผิดพลาดเมื่อคำนวณแล้วเป็น …% ของทุกครั้งที่นับสต๊อก โดยไม่สามารถหาสาเหตุได้ ในส่วนนี้จึงทำให้ต้นทุนในส่วนการจัดการคลังสินค้าเพิ่มขึ้นมา…บาท และพนักงานใช้เวลาในการนับสต๊อกนานมาก หากเราเปลี่ยนมาใช้ระบบคลังสินค้าของ absolute บริษัทจะไม่เกิดความผิดพลาดในเรื่องของการนับสต๊อกและช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนขึ้น พนักงานสามารถนำเวลาส่วนนั้นไปทำงานส่วนอื่นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้จะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน และทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย” หากขัดเกลาคำพูดให้ดูดีและมีหลักการความน่าเชื่อถือ มีสถิติให้หัวหน้าดูอีก เชื่อเถอะ หัวหน้าจะต้องเก็บไปพิจารณาและคล้อยตามเป็นอย่างแน่นอน +++

‍

2.โน้มน้าวใจด้วยการยก “คู่แข่ง” ขึ้นมาพูด

ในการทำการตลาดส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์การตลาดจะมีการมองไปที่คู่แข่ง เพื่อเปรียบเทียบและทำให้พัฒนาตัวเอง และอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการโน้มน้าวหัวหน้า คือการพูดเชิงจิตวิทยาในเรื่องของคู่แข่งของเรา เมื่อโน้มน้าวเชิงเหตุผลไม่ได้ ก็ต้องโน้มน้าวด้วยอารมณ์ ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าคู่แข่งเรามีเทคโนโลยีอะไรที่ดีและมีประสิทธิภาพบ้าง และเราต้องการแบบนั้นไหม 

‍

การโน้มน้าววิธีนี้ เช่น “จากที่ค้นหาและศึกษามา พบว่า บริษัท A ได้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้ทำงานได้สะดวก ประหยัดเวลา ลดต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ ไม่มีของหายและไม่ทำให้สต๊อกบวม มั่ว หรือสต๊อกจมเลย ทำให้มองได้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถแก้ปัญหาที่เราเจอได้ หากเราไม่มองเรื่องเทคโนโลยีที่จะช่วยการทำงานของเราให้ดีขึ้นและลดปัญหาเลย อาจจะทำให้เราตามหลังบริษัทอื่นและเจอปัญหาเดิมอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราอยากอยู่หน้าคู่แข่ง และทำให้บริษัทก้าวหน้า และการทำงานมีประสิทธิภาพ เราต้องพัฒนาในส่วนนี้ด้วย” วิธีเป็นการโน้มน้าวใจที่ใช้วิธีการพูดล้วนๆ แต่ก็ต้องใช้หลักการและอิงความเป็นจริงด้วยเช่นกัน ใครที่วาทศิลป์ดี ลองวิธีนี้เลย กล้าพูดและหนักแน่นไปเลย!!!!

‍

3.โน้มน้าวใจด้วยการใช้ “Case Study”

วิธีสุดท้ายเป็นวิธีที่มีรูปแบบง่ายๆ เพียงแค่ต้องมีภาพและตัวอย่างให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลายๆคนก็คงจะเป็นเหมือนกัน หากอะไรที่มีตัวอย่างที่ทำให้เราเข้าใจและมองเห็นจริงๆ ก็จะทำให้เราเชื่อสิ่งนั้น 

‍

การใช้ Case Study ที่ดีที่สุด คือการทำการรีเสิร์ชว่ามีบริษัทไหนที่ใช้เทคโนโลยีแล้วประสบความสำเร็จบ้าง ยิ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในสายงานเดียวกันจะยิ่งดี เพราะสามารถมองภาพได้ชัดเจน หรือ อาจเป็นการถามจากผู้ผลิตเทคโนโลยีนั้นเลยโดยตรง และนำเอากรณีศึกษาที่ได้มาจากทางผู้ผลิตเทคโนโลยีนั้นมาคุยกับหัวหน้า ถ้าบริษัทอื่นทำได้ดีและประสบความสำเร็จได้ บริษัทเราก็ต้องทำได้เหมือนกัน!!! ซึงวิธีนี้จะทำให้หัวหน้าคล้อยตามได้ง่ายเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่การกล่าวขึ้นมาแบบลอยๆ

‍

ทั้ง 3 เทคนิคที่ได้กล่าวไป สามารถใช้ได้กับหลายเคสไม่ใช่แค่กับหัวหน้า แต่กับผู้บริหาร กับเพื่อน หรือกับการทำงานที่ต้องมีการนำเสนอ พูดคุย สามารถใช้ได้หมดเลย ใครที่โน้มน้าวใจคนไม่เก่งต้องนำ 3 เทคนิคนี้ไปลอง !!!

‍